กันยายน 28, 2025
How2Trader_Cover

คุณเป็นเทรดเดอร์, นักลงทุน หรือ นักพนัน? รู้ตัวก่อนไปต่อ..

Loading

คุณเคยสงสัยไหมว่า สไตล์การลงทุนของตัวเองเป็นแบบไหน?
คุณอาจจะคิดว่าตัวเองเป็น “นักลงทุน” ที่จริงจัง หรือเป็น “เทรดเดอร์” ที่เก็งกำไรจากตลาด
แต่บางที… คุณอาจเป็น “นักพนัน” โดยไม่รู้ตัว! 😱

📌 บทความนี้จะช่วยให้คุณเช็กตัวเอง ว่าคุณมีวิธีคิดประมาณไหน และต้องปรับปรุงอะไรเพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในตลาด …แต่ก่อนจะเดินทางไปถึงจุดหมายนั้น คุณจำเป็นต้องรู้ตัวก่อนว่า คุณอยู่ที่ตำแหน่งอะไร?

🔹 คำจำกัดความ:
เทรดเดอร์คือผู้ที่ซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินในระยะสั้น โดยใช้กลยุทธ์และระบบที่ช่วยให้ได้เปรียบในตลาด

🔹 คำว่า “Trader” ไม่มีบัญญัติเป็นภาษาไทยแบบทางการ แต่มักใช้คำว่า “นักเทรด” หรือ “ผู้ค้าหลักทรัพย์”
🔹 คำจำกัดความทั่วไปของ นักเทรด คือ

“บุคคลที่ทำการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินเพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะสั้น”

📖 แหล่งอ้างอิง:

ในบางกรณี ก.ล.ต. อาจใช้คำว่า “ผู้ค้าหลักทรัพย์” แต่โดยทั่วไปวงการการเงินไทยนิยมใช้คำว่า “เทรดเดอร์” ตามสากล

🔹 คุณสมบัติคร่าวๆของเทรดเดอร์:
เป้าหมาย: หาผลกำไรจากความผันผวนของราคาในช่วงเวลาตามเงื่อนไขที่ตัวเองตั้งไว้
ระยะเวลาถือครอง: ตามระบบเงื่อนไขที่ตัวเองตั้งไว้ (เช่น วินาที, นาที, ชั่วโมง, วัน, เดือน)
กลยุทธ์: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เช่น Price Action, Indicator, Algorithmic Trading
ความเสี่ยง: ใช้การบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด (Risk Management) เช่น Stop Loss, Position Sizing
แนวคิดหลัก: “ตลาดมีโอกาสทำกำไร(และความเสี่ยงขาดทุน)อยู่เสมอ”

📖 อ้างอิง:
Paul Tudor Jones หนึ่งในเทรดเดอร์ระดับตำนาน เคยกล่าวว่า “Losers average losers” (คนที่แพ้จะเฉลี่ยขาดทุน) เป็นวิธีคิดที่มาจากการเทรดที่เขาถนัดรูปแบบคุมความเสี่ยงแบบ “Risk Per Trade” ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของเทรดเดอร์ที่มีทั้งข้อมูลและประสบการณ์สูง (เป็นเทรดเดอร์สาย Trend Following)

ในหนังสือ “The Disciplined Trader” ของ Mark Douglas ได้อธิบายว่า เทรดเดอร์ที่ดีต้องมีวินัยและความคิดที่ยืดหยุ่น ไม่ใช่แค่พึ่งพาโชค

🔹 คำจำกัดความ:
นักลงทุนคือผู้ที่ใช้เงินลงทุนในสินทรัพย์โดยมองระยะยาว โดยพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของกิจการหรือสินทรัพย์นั้น

🔹 คำว่า “นักลงทุน” เป็นคำที่มีนิยามทางเศรษฐศาสตร์และกฎหมายอย่างชัดเจน เช่น พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
🔹 คำจำกัดความทั่วไปของ นักลงทุน คือ

“บุคคลหรือองค์กรที่นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว”

📖 แหล่งอ้างอิง:

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ใช้คำนี้ในเชิงการเงินและเศรษฐศาสตร์

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ใช้คำว่า “นักลงทุน” ในเอกสารทางการ เช่น “นักลงทุนรายย่อย” (Retail Investor) และ “นักลงทุนสถาบัน” (Institutional Investor)

🔹 คุณสมบัติคร่าวๆของนักลงทุน:
เป้าหมาย: สร้างความมั่งคั่งในระยะยาวจากการเติบโตของสินทรัพย์
ระยะเวลาถือครอง: ระยะกลางถึงระยะยาว (เป็นเดือน, ปี, หรือหลายสิบปี)
กลยุทธ์: ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) เช่น งบการเงิน, การเติบโตของธุรกิจ
ความเสี่ยง: ยอมรับความเสี่ยงตามระดับของการลงทุน และใช้ Diversification เพื่อลดความเสี่ยง
แนวคิดหลัก: “การลงทุนคือการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดี”

📖 อ้างอิง:

ในหนังสือ “The Intelligent Investor” โดย Benjamin Graham อธิบายว่า นักลงทุนที่ดีต้องมองหาคุณค่าของสินทรัพย์ (Value Investing) และหลีกเลี่ยงการเก็งกำไร

Warren Buffett กล่าวว่า “If you aren’t willing to own a stock for ten years, don’t even think about owning it for ten minutes.” (ถ้าคุณไม่พร้อมจะถือหุ้นนั้น 10 ปี ก็อย่าถือมันเลยแม้แต่ 10 นาที)

🔹 คำจำกัดความ:
นักพนันคือผู้ที่วางเงินเพื่อเสี่ยงโชค โดยอาศัยดวงหรือปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ มากกว่ากลยุทธ์ที่มีเหตุผล

🔹 คำว่า “นักพนัน” มีการบัญญัติอย่างชัดเจนในพจนานุกรมไทย และมีนิยามทางกฎหมาย
🔹 คำจำกัดความทั่วไปของ นักพนัน คือ

“บุคคลที่วางเดิมพันโดยอาศัยดวงหรือโอกาส โดยไม่มีการควบคุมความเสี่ยงหรือกลยุทธ์ที่แน่นอน”

📖 แหล่งอ้างอิง:

  • พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน กำหนดคำว่า “การพนัน” ว่า

“การเสี่ยงโชคเพื่อหวังผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน”

  • พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 กำหนดคำว่า “นักพนัน” ว่าเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรมการพนันที่ผิดกฎหมาย

ใจความสำคัญ: นักพนันมัก ขาดการบริหารความเสี่ยง และ เน้นอารมณ์มากกว่ากลยุทธ์

🔹 คุณสมบัติคร่าวๆของนักพนัน:
เป้าหมาย: ทำกำไรจากความเสี่ยงโดยไม่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน
ระยะเวลาถือครอง: ไม่แน่นอน อาจจะสั้นหรือยาวขึ้นอยู่กับโชค
กลยุทธ์: มักใช้การคาดเดาหรืออารมณ์มากกว่าการวิเคราะห์
ความเสี่ยง: ไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่เป็นระบบ อาจทุ่มเงินทั้งหมดไปกับการลงทุนครั้งเดียว
แนวคิดหลัก: “ยิ่งเสี่ยงมาก ยิ่งได้มาก”

📖 อ้างอิง:

Jesse Livermore เทรดเดอร์ในตำนานกล่าวว่า “The market does not beat them. They beat themselves, because though they have brains, they cannot sit tight.” (ตลาดไม่ได้ทำให้พวกเขาแพ้ พวกเขาทำให้ตัวเองแพ้ เพราะพวกเขาไม่สามารถอดทนได้)

หนังสือ “Fooled by Randomness” โดย Nassim Taleb อธิบายว่า คนส่วนใหญ่คิดว่าตัวเองกำลังลงทุนหรือเทรด แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาเป็นเพียงนักพนันที่ไม่รู้ตัว

🔹 คุณเป็นเทรดเดอร์ ถ้า…
✅ คุณวิเคราะห์ตลาดด้วยเครื่องมือทางเทคนิค (Technical Analysis) เช่น กราฟแท่งเทียน, Indicator
✅ คุณตั้ง Stop Loss ทุกครั้ง เพื่อจำกัดความเสี่ยง
✅ คุณเทรดตามแผน และไม่ให้อารมณ์มาควบคุมการตัดสินใจ
✅ คุณสนใจความผันผวนของราคา และใช้มันให้เป็นโอกาสทำกำไร
✅ คุณมี Risk Management ที่ชัดเจน เช่น เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตต่อการเทรด

📌 คำถามเช็กตัวเอง:
🔍 คุณตัดขาดทุนเมื่อถึงจุดที่กำหนดไว้ หรือปล่อยให้มันไหลไปเรื่อย ๆ?
🔍 คุณวางแผนก่อนเข้าเทรด หรือแค่เห็นกราฟขึ้นแล้วกดซื้อทันที?

🔹 คุณเป็นนักลงทุน ถ้า…
✅ คุณสนใจปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์ (Fundamental Analysis) เช่น กำไรบริษัท, ศักยภาพการเติบโต
✅ คุณมีวิสัยทัศน์ระยะยาว ไม่หวั่นไหวกับความผันผวนระยะสั้น
✅ คุณซื้อหุ้นเพราะเชื่อใน “มูลค่า” ไม่ใช่แค่เพราะราคามันขึ้นเร็ว
✅ คุณกระจายความเสี่ยง (Diversification) เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต
✅ คุณใช้กลยุทธ์แบบ Value Investing (ลงทุนในของดีราคาถูก) หรือ Growth Investing (ลงทุนในธุรกิจที่เติบโตสูง)

📌 คำถามเช็กตัวเอง:
🔍 คุณเคยซื้อหุ้นโดยไม่รู้ว่าบริษัททำธุรกิจอะไรไหม?
🔍 คุณมีแผนถือหุ้น 5-10 ปี หรือเปล่า? หรือคุณแค่ซื้อเพราะเห็นคนอื่นบอกว่าดี?

🔹 คุณอาจเป็นนักพนัน ถ้า…
❌ คุณเทรดหรือซื้อหุ้นโดยไม่มีแผนการ
❌ คุณหวังรวยจาก “All-In” หรือใช้เงินก้อนใหญ่ในเทรดเดียว
❌ คุณเฉลี่ยขาดทุน (Averaging Down) ตลอดเวลา โดยไม่ดูข้อมูลอื่นๆ แล้วหวังว่าราคาจะกลับมา
❌ คุณเชื่อใน “โชค” มากกว่าการวิเคราะห์
❌ คุณมักจะตามกระแส โดยไม่ศึกษาเอง เช่น เห็นข่าวหุ้นกำลังขึ้นก็รีบซื้อ

📌 คำถามเช็กตัวเอง:
🔍 คุณเคยซื้อหุ้นหรือเทรดโดยไม่มีแผน และหวังให้มันกลับมามีกำไรไหม?
🔍 คุณใช้เงินทั้งหมดกับสินทรัพย์เดียวแบบไม่มีการกระจายความเสี่ยงหรือเปล่า?

มี “ลูกผสม” (Hybrid) ระหว่างนักลงทุน (Investor), นักเทรด (Trader), และนักพนัน (Gambler) ซึ่งบางคนอาจผสมผสานกลยุทธ์หลายอย่างเพื่อให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง

📌 ประเภทของ “ลูกผสม” และตัวอย่างบุคคลจริง

1. Tactical Investor – นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์เทรด

🔹 คำจำกัดความ:

“นักลงทุนที่ถือสินทรัพย์ระยะยาว แต่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจังหวะซื้อขาย”
🔹 สไตล์นี้ผสม: 📈 นักลงทุน + ⚡ เทรดเดอร์
🔹 ตัวอย่างบุคคล: Stanley Druckenmiller (อดีตผู้บริหารกองทุนของ George Soros)

📌 กลยุทธ์ที่ใช้:
ลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี แต่ไม่ถือแบบ “Buy & Hold” ตลอดไป
✅ ใช้ Technical Analysis และ Macro Analysis เพื่อเลือกจังหวะเข้าและออกจากตลาด
✅ หลีกเลี่ยงตลาดขาลง และโยกย้ายเงินทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีโอกาสมากกว่า

📖 คำพูดของ Stanley Druckenmiller:
“The way to build long-term returns is through preservation of capital and home runs.”
(วิธีสร้างผลตอบแทนระยะยาวคือการรักษาเงินทุน และทำกำไรใหญ่ ๆ เมื่อมีโอกาส)


2. Trend-Following Investor – นักลงทุนที่เทรดตามแนวโน้ม

🔹 คำจำกัดความ:

“นักลงทุนที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่กำลังเป็นเทรนด์ และออกเมื่อแนวโน้มเริ่มหมด”
🔹 สไตล์นี้ผสม: 📈 นักลงทุน + 📊 เทรดเดอร์
🔹 ตัวอย่างบุคคล: William O’Neil (ผู้เขียนหนังสือ How to Make Money in Stocks)

📌 กลยุทธ์ที่ใช้:
✅ ใช้ CANSLIM Strategy (คัดเลือกหุ้นที่มีการเติบโตสูง + แนวโน้มราคาแข็งแกร่ง)
✅ ใช้ Breakout Trading ซื้อเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ พร้อมปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
✅ ตัดขาดทุนเร็ว (ไม่เฉลี่ยขาดทุน) และปล่อยให้กำไรวิ่ง

📖 คำพูดของ William O’Neil:
“The whole secret to winning in the stock market is to lose the least amount possible when you’re wrong.”
(ความลับของการชนะในตลาดหุ้นคือการขาดทุนให้น้อยที่สุดเมื่อคุณผิด)


3. Quantitative Speculator – นักเก็งกำไรที่ใช้คณิตศาสตร์

🔹 คำจำกัดความ:

“นักเก็งกำไรที่ใช้สถิติและคณิตศาสตร์สร้างโมเดลทำกำไร แทนที่จะพึ่งอารมณ์”
🔹 สไตล์นี้ผสม: 📊 เทรดเดอร์ + 🎲 นักพนัน (ที่ใช้สถิติ)
🔹 ตัวอย่างบุคคล: Ed Thorp (ผู้ใช้การนับไพ่ในแบล็คแจ็ค + คิดค้นโมเดลการลงทุน)

📌 กลยุทธ์ที่ใช้:
✅ ใช้ Statistical Arbitrage เพื่อหาความผิดปกติของราคา
✅ ใช้ Monte Carlo Simulation ทดสอบกลยุทธ์ก่อนนำไปใช้จริง
✅ เน้น Risk Management ที่เข้มงวด เช่น การกำหนดขนาดการเทรดตาม Kelly Criterion

📖 คำพูดของ Ed Thorp:
“Betting against the market without an edge is gambling. Betting with an edge is investing.”
(การเดิมพันในตลาดโดยไม่มีข้อได้เปรียบคือการพนัน แต่ถ้าคุณมีข้อได้เปรียบ มันคือการลงทุน)


4. High-Stakes Momentum Trader – เทรดเดอร์ที่กล้ารับความเสี่ยงสูง

🔹 คำจำกัดความ:

“นักเทรดที่ใช้แนวโน้มของตลาดเป็นหลัก และกล้ารับความเสี่ยงสูงเพื่อหวังผลตอบแทนใหญ่”
🔹 สไตล์นี้ผสม: ⚡ เทรดเดอร์ + 🎲 นักพนัน (แบบมีกลยุทธ์)
🔹 ตัวอย่างบุคคล: Paul Tudor Jones (นักเทรดที่เคยคาดการณ์ Black Monday 1987 ได้)

📌 กลยุทธ์ที่ใช้:
✅ ใช้ Momentum Trading และเกาะตามแนวโน้มของตลาด
✅ ใช้ Risk Per Trade อย่างเคร่งครัด (ยอมเสียเพียง 1-2% ของพอร์ตต่อครั้ง)
✅ มักเพิ่มขนาด Position (Pyramiding) เมื่อแนวโน้มเป็นไปตามแผน

📖 คำพูดของ Paul Tudor Jones:
“Losers average losers.”
(คนแพ้จะเฉลี่ยขาดทุนเพิ่มขึ้น)


5. Opportunistic Investor – นักล่าจังหวะลงทุน

🔹 คำจำกัดความ:

“นักลงทุนที่รอจังหวะเข้าตลาดเฉพาะช่วงที่มีโอกาสดี ไม่ได้ลงทุนตลอดเวลา”
🔹 สไตล์นี้ผสม: 📈 นักลงทุน + 🎲 นักพนัน (แต่เลือกเสี่ยงเฉพาะช่วงที่ได้เปรียบ)
🔹 ตัวอย่างบุคคล: Warren Buffett (ในบางแง่มุม)

📌 กลยุทธ์ที่ใช้:
✅ ลงทุนแบบ Value Investing แต่ไม่รีบเข้าซื้อจนกว่าหุ้นจะอยู่ในราคาที่ถูกมาก
✅ ใช้ Cash Positioning (ถือเงินสดเมื่อไม่มีโอกาสที่ดี)
✅ มักซื้อหนักเมื่อเกิดวิกฤต (เช่น ช่วง Subprime Crisis)

📖 คำพูดของ Warren Buffett:
“Be fearful when others are greedy, and greedy when others are fearful.”
(จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

สวัสดีครับ มาคุยกันก่อนได้ครับ Line : icethefox

เปิดบัญชีเทรดกับ GMI Markets
This is default text for notification bar