📌 เกริ่นนำ
😔 คุณเคยไหม…
- ลงทุนไปแล้ว ไม่อยากถอน แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าพลาด 💸
- ทนอยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่ เพราะ ไม่อยากรู้สึกว่า “เสียเปล่า” 💔
- ยอมเจ็บต่อไป เพราะ “ยอมแพ้ไม่ได้” 🥀
❓ ถ้าคำตอบของคุณคือ “ใช่”
คุณอาจกำลังเผชิญกับสภาวะที่เรียกว่า…
🕳️ ภาวะกลัวการสูญเสียสิ่งที่มีหรือ “จมไม่ลง” – หรือในทางจิตวิทยาเรียกว่า Loss Aversion 🧠
🔍 Loss Aversion คืออะไร?
💬 มันคือแนวคิดที่บอกว่า…
“มนุษย์เกลียดการสูญเสียมากกว่าชอบการได้มา”
😢 เรารู้สึกเจ็บจากการเสียเงิน 100 บาท มากกว่าความสุขจากการได้มา 100 บาท ในสัดส่วนที่ไม่เท่ากัน
❗ และถ้าเราไม่รู้ตัวว่ากำลังติดกับดักนี้
สุดท้ายเราอาจจะ พาตัวเองจมลึกลงไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ 🕳️➡️💢
📚 มาดูกันว่า “ภาวะจมไม่ลง” นี้ส่งผลต่อชีวิตเรายังไงบ้าง
พร้อม ตัวอย่างจริงแบบจุก ๆ ที่หลายคนอาจเจอมากับตัวแล้ว… 👇💥
1️⃣ จมไม่ลงในโลกการลงทุน 💸📉
“ก็แค่หุ้นตก… มันต้องกลับมาสิ!”
นี่คือคำพูดคลาสสิกของนักลงทุนที่ ไม่ยอมขายหุ้นขาดทุน เพราะ “ไม่อยากยอมรับ” ว่าตัวเองแพ้ ทั้งที่ข้อมูลทุกอย่างบอกว่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องทุกอย่างกำลังแย่
🔍 สถานการณ์แบบนี้พบได้เสมอ เช่น
- ซื้อหุ้น A แล้วราคาร่วง
- แทนที่จะขายและตัดขาดทุน (Cut Loss)
- กลับถือไว้นานขึ้นเรื่อย ๆ หวังว่ามันจะฟื้น
- ผลสุดท้าย: ขาดทุนหนักกว่าเดิม
📌 เปรียบเทียบกับชีวิต:
เหมือนคนที่คบกับใครบางคนที่ทำร้ายจิตใจ แต่ก็ยังอยู่ต่อ เพราะ “เสียดายความสัมพันธ์”
2️⃣ จมไม่ลงในเก้าอี้อำนาจ 🪑👑
“ยังมีแค่ฉันเท่านั้นที่พาประเทศนี้ไปได้!”
คำพูดคล้าย ๆ นี้มักมาจากผู้นำที่ ไม่ยอมลงจากอำนาจ แม้ทุกอย่างจะแสดงชัดว่า “ควรพอ”
🧠 พฤติกรรมแบบนี้คือ Loss Aversion ในเวอร์ชัน “อัตตา”
ไม่ใช่แค่กลัวเสียอำนาจ แต่ยังกลัวเสียหน้า เสียชื่อ
📚 ตัวอย่างจริง:
- 🔥 กัดดาฟี (ลิเบีย) – ยื้อตำแหน่งจนบ้านเมืองลุกเป็นไฟ
- 🔥 มูกาเบ (ซิมบับเว) – ปกครองยาวนานจนเศรษฐกิจพังพินาศ
- 🔥 ผู้บริหาร Enron – ปกปิดความล้มเหลวจนพาบริษัทล้มละลาย
📌 ในชีวิตประจำวัน:
หัวหน้าบางคนไม่ยอมให้คนรุ่นใหม่ขึ้น เพราะกลัวโดนเทียบ
เจ้าของธุรกิจไม่กล้าปิดกิจการ แม้ขาดทุนหนัก เพราะ “หน้าไม่อยากเสีย”
3️⃣ จมไม่ลงเพราะ “เสียดายของเก่า” 🏚️🧠
“ลงทุนลงแรงไปเยอะแล้ว จะให้เลิกง่าย ๆ ได้ยังไง”
นี่คืออีกหนึ่งรูปแบบของ Sunk Cost Fallacy – หรือ “ตกหลุมค่าใช้จ่ายที่หายไป”
เรามักตัดสินใจต่อยอดสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว เพราะ เสียดายที่ลงทุนไปก่อนหน้า
📌 เช่น:
- ลงเรียนคอร์สที่ไม่ตรงกับเรา แต่ก็เรียนจนจบเพราะ “เสียเงินไปแล้ว”
- สร้างโปรเจกต์ที่ไม่มีอนาคต แต่ก็ฝืนทำต่อ เพราะ “ทิ้งไปเสียดาย”
📚 ตัวอย่างจากองค์กรจริง:
เลห์แมน บราเธอร์ส ไม่ยอมถอนตัวจากตลาดสินเชื่อเสี่ยงสูง แม้เห็นสัญญาณอันตราย
บริษัทเทคหลายแห่งในยุค Dot-Com ไม่กล้าพับโครงการ เพราะ “ทีมลงแรงไปเยอะ”
4️⃣ จมไม่ลงเพราะ “คิดมากเกินไป” 🤯📊
“รอดูก่อน รอข้อมูลอีกหน่อย… ยังไม่แน่ใจ”
นี่คือ กับดักของ Overanalysis หรือการวิเคราะห์มากจนไม่กล้าตัดสินใจ
📌 ตัวอย่างในโลกเทรด:
- นักเทรดบางคนมีระบบดี แต่ไม่กล้าเข้าเทรด เพราะเห็นความเสี่ยงจากสถิติ เลยรู้สึกกลัวเกินไป
- พอไม่กล้าเข้า = พลาดโอกาส
- แล้วก็กลับมาเสียดายอีกทีตอนเห็นกราฟพุ่ง
📌 ในชีวิตจริง:
รอจน “ทุกอย่างพร้อม” ซึ่งไม่มีวันนั้นจริง ๆ
คนที่อยากเปลี่ยนงาน แต่กลัวความไม่แน่นอนของที่ใหม่
5️⃣ จะไม่จมได้ยังไง? วิธีรู้ทันภาวะ “จมไม่ลง” 🚀
🧠 Loss Aversion แก้ได้ ถ้าเรา “รู้ตัว” ว่ากำลังเจออยู่
นี่คือแนวทางที่จะช่วยคุณตัดใจและตัดขาดได้ไวขึ้น:
✅ ตั้งหลักด้วยเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์
→ ถามตัวเองว่า “ถ้าฉันยังไม่ลงทุนในสิ่งนี้ ฉันพร้อมเริ่มมันวันนี้มั้ย?
เงินที่ใช้ลงทุน เป็นเงินเย็นหรือเงินที่นำไปเสี่ยงได้รึเปล่า?”
✅ มองผลลัพธ์ในระยะยาว
→ หลังจากวิเคราะห์ด้วยข้อมูลรอบด้านแล้ว ตัดใจขาดทุนวันนี้ อาจดีกว่าแบกภาระจนเจ๊งทั้งชีวิต
✅ ใช้ระบบช่วยตัดสินใจ
→ เช่น ตั้งจุด Stop-Loss ตามกลยุทธ์ที่ใช้, มีแผน Exit ชัดเจน,
หรือถ้าอยากได้คำปรึกษา ก็ให้หาผู้ที่ให้คำปรึกษาในเรื่องนั้นได้
✅ ฝึกปล่อยวาง (Let Go)
→ ความกล้าไม่ได้แปลว่าฝืนต่อเสมอไป บางที “ความกล้าจริง ๆ” คือการยอมรับว่าต้องปล่อยแล้ว
🧾 สรุปส่งท้าย: จมไม่ลง ≠ เข้มแข็ง แต่คือการยึดติดที่บั่นทอนเรา
“ภาวะจมไม่ลง” คือคำไทยที่อธิบาย Loss Aversion ได้อย่างคมคาย
มันคือความกลัวที่แอบอยู่ในใจ – กลัวแพ้, กลัวเสีย, กลัวผิดหวัง, กลัวเสียหน้า
แต่ถ้าเรากล้าพอที่จะ ยอมรับความจริงและเลือกเดินต่อ
คุณอาจค้นพบว่า…
❝ การตัดสินใจ “ยอมเสีย” บ้างมันคือการ “รักษา” ภาพรวมในระยะยาวที่ดีที่สุด ❞
หากบทความนี้สะท้อนใจคุณ แชร์ต่อให้คนที่คุณห่วงใย
บางที… เค้าก็อาจจะ “จมไม่ลง” เหมือนกับคุณเช่นกันครับ 🙏✨
📚 แหล่งข้อมูลอ้างอิงที่เกี่ยวข้อง
🧠 แนวคิด Loss Aversion และพฤติกรรมมนุษย์
- Kahneman, D. & Tversky, A. (1979).
Prospect Theory: An Analysis of Decision under Risk
🔗 Link to JSTOR abstract งานวิจัยต้นฉบับที่นิยาม Loss Aversion โดยสองนักจิตวิทยารางวัลโนเบล
อธิบายว่า “การสูญเสีย” มีผลกระทบทางจิตใจมากกว่าการได้มาในมูลค่าเท่ากัน - NobelPrize.org – Daniel Kahneman
🔗 https://www.nobelprize.org/prizes/economic-sciences/2002/kahneman/facts/ ข้อมูลเกี่ยวกับรางวัลโนเบลของ Kahneman ผู้พัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับ Loss Aversion - Careervisa Assessment – บทความ “Loss Aversion กับชีวิตการทำงาน”
🔗 https://www.careervisaassessment.com/th/articles/loss-aversion บทความไทยที่อธิบาย Loss Aversion ด้วยภาษาที่เข้าถึงง่าย และยกตัวอย่างในชีวิตจริง
📉 กรณีตัวอย่างจากโลกจริง
Robert Mugabe Resignation – BBC News
🔗 https://www.bbc.com/news/world-africa-42071488 รายงานข่าวเกี่ยวกับการลาออกของมูกาเบ หลังครองอำนาจมานานกว่า 37 ปี
Enron Scandal – Investopedia
🔗 https://www.investopedia.com/updates/enron-scandal-summary/ สรุปวิกฤตการณ์ Enron ที่ผู้บริหารพยายามปกปิดข้อมูลขาดทุน เพราะไม่ยอมรับความล้มเหลว
Lehman Brothers Collapse – History.com
🔗 https://www.history.com/topics/21st-century/lehman-brothers-collapse ตัวอย่างการ “จมไม่ลง” ระดับองค์กร ที่พาไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2008
Muammar Gaddafi Biography – Britannica
🔗 https://www.britannica.com/biography/Muammar-al-Qaddafi ชีวประวัติของกัดดาฟี ผู้นำลิเบียที่ยื้ออำนาจจนพัง